หนังรางวัลออสการ์ ตัดสินยังไง?

รางวัลออสการ์

รางวัลออสการ์ ไม่ใช่หนังทุกเรื่องจะสามารถเข้าชิงได้ แต่บางครั้งเราก็รู้สึกว่า “หนังเรื่องนี้ดีมากเลย” ทำไมไม่ติด 1 ในผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์กันนะ?

รางวัลออสการ์นั้นตัดสินโดย Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) ซึ่งเป็นองค์กรที่ประกอบไปด้วย สมาชิกหลายหมื่นคน ที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทั้งผู้กำกับ นักแสดง โปรดิวเซอร์ ช่างภาพ ตัดต่อ นักเขียนบท ฯลฯ

หากหนังเหล่านี้ไม่ได้ผ่านตาของสมาชิกที่มีสิทธิ์ตัดสินก็อาจจไม่ได้เข้าร่วมการชิงรางวัลครับ โดยการตัดสินและขั้นตอนจะแบ่งออกเป็น 2 รอบหลักๆได้แก่

ขั้นตอนการตัดสินรางวัลออสการ์

  1. การเสนอชื่อเข้าชิง (Nomination Phase)
  • สมาชิก AMPAS จะแบ่งตามสาขา เช่น

    • นักแสดงจะเสนอชื่อสาขานักแสดง
    • ผู้กำกับเสนอชื่อสาขาผู้กำกับ
    • คนเขียนบทเสนอชื่อบท

  • ยกเว้นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) ที่ สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์เสนอชื่อ

ได้รายชื่อผู้เข้าชิง 5–10 เรื่อง/คน ต่อสาขา

  1. การลงคะแนนผู้ชนะ (Final Voting)
  • รอบนี้ สมาชิกทุกคนทุกสาขามีสิทธิ์โหวตได้ทุกสาขา
  • ใช้ระบบการนับคะแนนแบบ “รอบเดียวแต่เรียงลำดับความชอบ” (preferential voting) สำหรับ Best Picture
  • สาขาอื่นใช้ระบบ “ใครได้คะแนนมากสุดก็ชนะ”

ใครเป็น “กรรมการ” ที่มีสิทธิ์โหวตรางวัลออสการ์?

  • สมาชิกของ Academy มีประมาณ 10,000 คน (ข้อมูลล่าสุด)
  • มีทั้งหมด 17 สาขาวิชาชีพ เช่น: นักแสดง, ผู้กำกับ, ผู้เขียนบท, โปรดิวเซอร์, ตัดต่อ, ดนตรี, เทคนิคภาพ ฯลฯ
  • ต้องผ่านเกณฑ์เข้ม เช่น มีผลงานระดับสากล มีเครดิตคุณภาพ หรือเคยได้รับการเสนอชื่อมาก่อน

อะไรส่งผลต่อผลโหวต?

  • คุณภาพของภาพยนตร์จริงๆ
  • เนื้อหาที่ “เข้ากับยุค” (เช่น ความหลากหลาย, ประเด็นสังคม)
  • แคมเปญโปรโมต / รณรงค์ของสตูดิโอ (มีผลมากในฮอลลีวูด)
  • ชื่อเสียงและความสัมพันธ์ในวงการ
รางวัล

ทำไมหนังบางเรื่องดี แต่ไม่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์?

  1. ไม่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติของ Academy
  • หนังต้องเข้าฉาย อย่างเป็นทางการในโรงภาพยนตร์ (ไม่ใช่แค่สตรีมมิ่ง) อย่างน้อย 7 วันในลอสแอนเจลิส
  • ถ้าฉายแบบจำกัดวง หรือฉายเฉพาะเทศกาล → ไม่ผ่านเกณฑ์แม้จะดีมาก
  1. ไม่มีสตูดิโอผลักดัน (Campaign)
  • ออสการ์ไม่ใช่แค่คุณภาพ แต่ต้องมีการ “วิ่งรณรงค์” เช่น:

    • ส่งแผ่น screener ให้กรรมการดู
    • จัดรอบพิเศษให้โหวต
    • จ้างทีม PR เพื่อสร้างกระแส

  • หนังอินดี้ดีๆ หลายเรื่อง ไม่มีเงินหรือช่องทางโปรโมต → เลยไม่มีโอกาสเข้าถึงสายตากรรมการ
  1. กระแสหนังอื่นกลบ (Overshadowed)
  • ปีนั้นอาจมีหนัง “ระดับตำนาน” ชิงกันเยอะ เช่น Oppenheimer, Dune, Poor Things ฯลฯ
  • หนังดีแต่เงียบๆ อาจโดนมองข้ามไป เพราะกรรมการโฟกัสแต่เรื่องใหญ่
  1. เนื้อหา “ไม่ตรงใจกรรมการ” หรือ “ไม่เข้ากับยุค”
  • บางปีมีเทรนด์ เช่น ความหลากหลาย, สิ่งแวดล้อม, ความเท่าเทียม
  • ถ้าหนังดีมากแต่พูดเรื่องที่ไม่เป็นประเด็นในปีนั้น → อาจถูกเมินเฉย
  1. แนวหนังไม่ใช่ “ของถนัด” ของ Academy
  • หนังแอ็กชัน, สยองขวัญ, แฟนตาซี, คอมเมดี้ มัก “โดนเมิน” แม้จะทำได้ดีมาก
  • ยกเว้นบางกรณีพิเศษ เช่น Get Out หรือ Everything Everywhere All at Once ที่โดดเด่นจนต้านไม่ไหว
  1. เข้าฉายช้าเกินไป หรือเร็วเกินไป
  • ถ้าหนังเข้าฉาย ต้นปี (เช่น ม.ค.–เม.ย.) → คนมักลืมตอนโหวตปลายปี
  • ถ้าเข้าฉาย ช้าเกินไปใกล้เดดไลน์ → กรรมการไม่มีเวลาดูพอ → หลุดชิง
  1. หนังดี “แต่ไม่โดนใจในวงกว้าง”
  • บางเรื่องศิลป์จัด ลึกมาก หรือเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม → กรรมการบางคนดูแล้วอาจไม่อิน
  • ออสการ์ต้องการ “หนังที่ดี และเข้าถึงได้” พร้อมกัน

สรุป

การตัดสินรางวัลออสการ์นั้นขึ้นอยู่กับสมาชิกที่ทำการดูหนัง และความถนัดของสมาชิกที่มีสิทธิ์ในการส่งหนังเข้าชิงแต่ละสาขา บางเรื่องอาจจะดีมากแต่สมาชิกทีคัดกรองไม่ถนัดก็อาจจะข้ามไปทำให้ไม่ติด 1 ในหนังชิงรางวัลครับ

ส่วนใครสายหนังอยากหาที่ดูหนังฟรี สามารถแวะเข้ามาได้ที่ Global Lotto นะครับ สามารถซื้อหวยได้ เล่นหวยไวได้ และสามารถดูหนังฟรีได้ตลอด 24 ชั่วโมงครับ